ในแผ่นพับฉบับนี้จะกล่าวถึงเฉพาะระบบบ่อเกรอะ และระบบบ่อกรองไร้อากาศ เนื่องจากเป็นระบบบำบัดน้ำเสียแบบติดกับที่ขนาดเล็กที่ใช้ในการบำบัดน้ำเสียจากห้องน้ำ ห้องส้วม ในบ้านเรือนและอาคารต่าง ๆ อย่างแพร่หลาย |
|
แบบมาตรฐานบ่อเกรอะขนาดเล็ก |
ลักษณะของตะกอนในบ่อเกรอะ (Septage)
พารามิเตอร์
|
ความเข้มข้น (มก./ล.)
|
|
ค่าโดยทั่วไป(1)
|
ค่าโดยทั่วไป(2)
|
|
1. ค่าบีโอดี (Biochemical Oxygen Demand:BOD) |
6,000
|
5,000
|
2.ค่าของแข็งทั้งหมด (Total Solids: TS) |
40,000
|
40,000
|
3.ค่าของแข็งแขวนลอย (Supended Solids : SS)
|
15,000
|
20,000
|
4.ค่าไนโตรเจนในรูปที เค เอ็น (TKN) |
700
|
1,200
|
5.ค่าไนโตรเจนในรูปแอมโมเนีย (NH 3) |
400
|
350
|
6.ค่าฟอสฟอรัสทั้งหมด (TP) |
250
|
250
|
7. ค่าไขมัน (Grease) |
8,000
|
-
|
ที่มา : (1) Wastewater Engineering, Metcalf&Eddy 1991
(2) โครงการศึกษาเพื่อจัดลำดับความสำคัญการจัดการน้ำเสียชุมชน เล่ม 3, สำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม 2538
เนื่องจากประสิทธิภาพในการบำบัดน้ำเสียของบ่อเกรอะไม่สูงนัก คือประมาณร้อยละ 40 - 60 ทำให้น้ำทิ้งจากบ่อเกรอะยังคงมีค่าบีโอดีสูงเกินค่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนดไว้ จึงไม่สามารถปล่อยทิ้งแหล่งน้ำธรรมชาติหรือท่อระบายน้ำสาธารณะได้ จึงจำเป็นจะต้องผ่านระบบบำบัดขั้นสองเพื่อลดค่าบีโอดีต่อไป
ลักษณะของบ่อเกรอะ |
ลักษณะที่สำคัญของบ่อเกรอะ คือ ต้องป้องกันตะกอนลอย (ฝ้าไข: Scum) และตะกอนจมไม่ให้ไหลไปยังบ่อเกรอะขั้นสอง เช่น ใช้แผ่นกั้นขวาง หรือท่อรูปตัวที (สามทาง)
บ่อเกรอะมีใช้อยู่ตามอาคารสถานที่ทั่วไปจะสร้างเป็นบ่อคอนกรีตในที่ หรือถ้าเป็นอาคารขนาดเล็กหรือบ้านพักอาศัยก็มักนิยมสร้างโดยใช้วงขอบซีเมนต์ ซึ่งมีจำหน่ายตามร้านค้าวัสดุก่อสร้างทั่วไป แต่ปัจจุบันมีการสร้างถังเกรอะสำเร็จรูป จำหน่ายโดยใช้หลักการเดียวกัน
เกณฑ์การออกแบบ บ่อเกรอะที่รับน้ำเสียเฉพาะน้ำเสียจากส้วมของบ้านพักอาศัย ซึ่งหาขนาดได้จากสูตร
1. กรณีจำนวนคนน้อยกว่า 5 คน ให้ใช้ปริมาตรบ่อขนาดตั้งแต่ 1.5 ลูกบาศก์เมตรขึ้นไป
2. กรณีจำนวนคนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป
ปริมาตรบ่อ (ลูกบาศก์เมตร) = 1.5 + 0.1 คูณด้วย (จำนวน -5)
ขนาดบ่อเกรอะรับเฉพาะน้ำส้วมจากบ้านพักอาศัย
จำนวนผู้พัก
|
ปริมาณน้ำสส้วม (ลบ.ม/วัน)
|
ขนาดบ่อ (วัดจากรยะขอบบ่อด้านใน)
|
||||
ราด
|
ซักดครก
|
ปริมาตร (ลบ.ม)
|
ความลึก (เมตร)
|
ความกว้าง (เมตร)
|
ความยาว(เมตร)
|
|
5
|
0.1
|
0.3
|
1.5
|
1.00
|
0.90
|
1.70
|
5-10
|
0.2
|
0.6
|
2.0
|
1.00 |
1.00
|
2.00
|
10-15
|
0.3
|
0.9
|
2.5
|
1.25
|
1.00
|
2.00
|
15-20
|
0.4
|
1.2
|
3.0
|
1.25
|
1.10
|
2.20
|
20-25
|
0.5
|
1.5
|
3.5
|
1.25
|
1.20
|
2.40
|
25-30
|
0.6
|
1.8
|
4.0
|
1.40
|
1.20
|
2.40
|
30-35
|
0.7
|
2.1
|
4.5
|
1.50
|
1.20
|
2.50
|
35-40
|
0.8
|
2.4
|
5.0
|
1.60
|
1.20
|
2.60
|
40-45
|
0.9
|
2.7
|
5.5
|
1.60
|
1.30
|
2.60
|
45-50
|
1.0
|
3.0
|
6.3
|
1.60
|
1.40
|
2.80
|
ที่มา : คู่มือเล่มที่ 2 สำหรับผู้ออกแบบและผู้ผลิตระบบบำบัดน้ำเสียแบบติดกับที่, กรมควบคุมมลพิษ 2537
การใช้งานและการดูแลรักษา |
1. ห้ามเทสารที่เป็นพิษต่อจุลินทรีย์ลงในบ่อเกรอะ เช่นน้ำกรดหรือด่างเข้มข้น น้ำยาล้างห้องน้ำเข้มข้น คลอรีนเข้มข้น ฯลฯ เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของบ่อเกรอะลดลง เพราะน้ำทิ้งไม่ได้คุณภาพตามต้องการ
2. ห้ามทิ้งสารอนินทรีย์หรือสารย่อยยาก เช่น พลาสติก ผ้าอนามัย ฯลฯ ซึ่งนอกจากมีผลทำให้ส้วมเต็มก่อนกำหนดแล้วยังอาจเกิดการอุดตันในท่อระบายได้
3. ในกรณีน้ำในบ่อเกรอะสูงและราดส้วมไม่ลง ให้ตรวจดูการระบายของบ่อซึม (ถ้ามี) ว่ามีการซึมออกดีหรือไม่ ถ้าไม่มีบ่อซึม ปัญหาอาจมาจากน้ำภายนอกไหลท่วมเข้ามาในถัง ต้องแก้ไขโดยการยกถังขึ้นสูง ในกรณีใช้บ่อเกรอะสำเร็จรูป ให้ติดต่อผู้แทนจำหน่ายเพื่อตรวจสอบและแก้ไขต่อไป
ระบบบ่อกรองไร้อากาศ (Anaerobic Filter) |
บ่อกรองไร้อากาศเป็นระบบบำบัดแบบไม่ใช้อากาศเช่นเดียวกับบ่อเกรอะ แต่มีประสิทธิภาพในการบำบัดของเสียมากกว่า โดยภายในถังช่วงกลางจะมีชั้นตัวกลาง (Media) บรรจุอยู่ ตัวกลางที่ใช้กันมีหลายชนิด เช่น หิน หลอดพลาสติก ลูกบอลพลาสติก กรงพลาสติก และวัสดุโปร่งอื่นๆ ตัวกลางเหล่านี้จะมีพื้นที่ผิวมากเพื่อให้จุลินทรีย์ยึดเกาะได้มากขึ้น
น้ำเสียจะไหลเข้าทางด้านล่างของถังแล้วไหลขึ้นผ่านชั้นตัวกลาง จากนั้นจึงไหลออกทางท่อด้านบน ขณะที่ไหลผ่านชั้นตัวกลาง จุลินทรีย์ชนิดไม่ใช้อากาศจะย่อยสลายสารอินทรีย์ในน้ำเสีย เปลี่ยนสภาพให้กลายเป็นก๊าซกับน้ำ น้ำทิ้งที่ไหลล้นออกไปจะมีค่าบีโอดีลดลง
จากการที่จุลินทรีย์กระจายอยู่ในถังสม่ำเสมอ น้ำเสียจะถูกบำบัดเป็นลำดับจากด้านล่างจนถึงด้านบน ประสิทธิภาพในการกำจัดบีโอดีของระบบนี้จึงสูงกว่าระบบบ่อเกรอะ แต่อาจเกิดปัญหาจากการอุดตันของตัวกลางภายในถังและทำให้น้ำไม่ไหล ดังนั้นจึงต้องมีการกำจัดสารแขวนลอยออกก่อน เช่น มีตะแกรงดักขยะและบ่อดักไขมันไว้หน้าระบบ หรือถ้าใช้บำบัดน้ำส้วมก็ควรผ่านเข้าบ่อเกรอะก่อน
ถังกรองไร้อากาศอาจสร้างด้วยวงขอบซีเมนต์หรือคอนกรีตในที่ หรือใช้ถังสำเร็จรูปที่มีการผลิตออกจำหน่ายในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม หากออกแบบบ่อกรองไร้อากาศหรือดูแลรักษาไม่ดี นอกจากจะไม่สามารถกำจัดของเสียได้แล้ว ยังเกิดปัญหากลิ่นเหม็นรบกวนได้อีกด้วย
แบบมาตรฐานถังกรองไร้อากาศสี่เหลี่ยมจัตุรัส |
ถังกรองไร้อากาศแบบวงขอบซีเมนต์ |
การใช้งานและการดูแลรักษา |
1. ในระยะแรกที่ปล่อยน้ำเสียเข้าถังกรองจะยังไม่มีการบำบัดเกิดขึ้น เนื่องจากยังไม่มีจุลินทรีย์ การเกิดขึ้นของจุลินทรีย์อาจเร่งได้ โดยการตักเอาสลัดจ์หรือขี้เลนจากบ่อเกรอะหรือท้องร่องหรือก้นท่อระบายของเทศบาล ซึ่งมีจุลินทรีย์ชนิดไม่ใช้อากาศมาใส่ในถังกรองประมาณ 2-3 ปี๊บ
2. น้ำที่เข้าถังกรองจะเป็นน้ำที่ไม่มีขยะหรือก้อนไขมันปะปน เพราะจะทำให้ตัวกลางอุดตันเร็ว ส่วนวิธีแก้ไขการอุดตัน คือฉีดน้ำสะอาดชะล้างทางด้านบนและระบายน้ำส่วนล่างออกไปพร้อมๆ กัน
3. ถ้าพบว่าน้ำที่ไหลออกมีอัตราเร็วกว่าปกติและมีตะกอนติดออกมาด้วย อาจเกิดจากก๊าซภายในถังสะสมและดันทะลุตัวกลางขึ้นมาเป็นช่อง ต้องแก้ไขด้วยการฉีดน้ำล้างตัวกลางเช่นเดียวกับข้อ 2
ขนาดมาตรฐานถังกรองไร้อากาศสำหรับบ้านพักอาศัย
จำนวนผู้พัก
|
ปริมาตรตัวกลาง (ลบ.ม) (สูง 1.20 ม.) |
ถังทรงกระบอก จำนวนถัง x สผก. (สูง 1.50 ม.) |
แบบถังสี่เหลี่ยม
|
|
กว้าง x ยาว (ม2) (สูง 1.50 ม.) |
จำนวนถัง
|
|||
5
|
0.5
|
1 x 1.00
|
-
|
-
|
5-10
|
1.0
|
2 x 1.00
|
-
|
-
|
10-15
|
1.5
|
3 x 1.00
|
-
|
-
|
15-20
|
2.0
|
3 x 1.20
|
-
|
-
|
20-25
|
2.5
|
4 x 1.20
|
-
|
-
|
25-30
|
3.0
|
-
|
1.6 x 1.6
|
-
|
30-35
|
3.5
|
-
|
1.7 x 1.7
|
2
|
35-40
|
4.0
|
-
|
1.8 x 1.8
|
2
|
40-45
|
4.5
|
-
|
1.9 x 1.9
|
2
|
45-50
|
5.0
|
-
|
20 x 2.0
|
2
|
หมายเหตุ : * สผก. = เส้นผ่านศูนย์กลาง (เมตร)
ที่มา : คู่มือเล่มที่ 2 สำหรับผู้ออกแบบและผู้ผลิตระบบบำบัดน้ำเสียแบบติดกับที่, กรมควบคุมมลพิษ 2537
โดยในปัจจุบันการใช้ระบบบำบัดน้ำเสียแบบติดกับที่ (On-Site Treatment) มีการใช้ทั้งแบบก่อสร้างเองและแบบถังสำเร็จรูป (Package On-Site) ซึ่งแหล่งชุมชนที่ควรเลือกใช้ระบบบำบัดแบบติดกับที่นี้ ได้แก่
1. ชุมชนขนาดเล็กที่มีจำนวนประชากรน้อยกว่า 1,000 คน
2. ชุมชนที่ยังไม่มีปัญหาคุณภาพแหล่งน้ำ จึงไม่ต้องการใช้ระบบบำบัดน้ำเสียที่ใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพในการบำบัดมากนัก แต่ทั้งนี้จำเป็นต้องมีการวางแผนในระยะยาว เพื่อรองรับการขยายตัวของชุมชนในอนาคตด้วย
3. ชุมชนที่มีบ้านเรือนอยู่กระจัดกระจาย ไม่คุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ในการลงทุนก่อสร้างและดำเนินการดูแลรักษาระบบรวมรวมและบำบัดน้ำเสีย ซึ่งทำให้ค่าลงทุนและดูแลรักษาต่อคน สูงกว่าชุมชนขนาดใหญ่
การเลือกพื้นที่ก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียแบบติดกับที่ |
1. พื้นที่ที่ไม่มีน้ำท่วมขัง
2. ชนิดของดินในบริเวณก่อสร้างระบบมีการซึมน้ำได้ดี
3. บริเวณก่อสร้างตั้งอยู่ห่างจากแหล่งน้ำธรรมชาติ เช่น หนอง คลอง บึง ไม่น้อยกว่า 30 เมตร
4. เป็นพื้นที่ที่ระดับน้ำใต้ดินไม่สูงจนเกิดปัญหาในการซึม โดยก้นบ่อซึมควรมีความลึกของดินถึงระดับน้ำใต้ดินสูงสุดไม่น้อยกว่า 0.6 เมตร
5. ความสะดวกสบายและปลอดภัยในการเข้าถึงอาคารจากพื้นที่โดยรอบ รวมทั้งความสะดวกในการเข้าไปดูแลบำรุงรักษาระบบสุขาภิบาลด้วย
อนึ่ง ข้อเปรียบเทียบระบบบำบัดแบบถังสำเร็จรูปและแบบก่อสร้างเอง และ รายละเอียดของระบบบำบัดน้ำเสียติดกับที่แบบสำเร็จรูปที่จำหน่ายตามท้องตลาดทั่วไป ดังตารางต่อไปนี้
โปรดระวัง!!! ไม่ทิ้งสิ่งของต่อไปนี้ลงในท่อหรืออ่างล้างของท่าน
|
อ้างอิงจาก http://www.geocities.com/natpong2000/